นวัตกรรม"จุลินทรีย์"ล้างพิษสะสมตกค้างในดิน

Last updated: 27 ส.ค. 2564  |  5447 จำนวนผู้เข้าชม  | 

นวัตกรรม"จุลินทรีย์"ล้างพิษสะสมตกค้างในดิน

ความพยายามในไทยเรื่องการผลักดั นลดการปนเปื้อนสารพิษตกค้างในสิ่ งแวดล้อมมีอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศที่เสื่ อมโทรมและกอบกู้ชีวิตจมสารเคมี ของเกษตรกรและผู้บริโภค มีงานวิจัยออกมาหลายชิ้นเกี่ ยวกับการลดตกค้างสารเคมี เกษตรในสิ่งแวดล้อม โดยภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการพัฒนาจุลินทรีย์สามารถย่ อยสลายสารพิษจากยาฆ่าหญ้ าและยาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนสู่ดิ น  ช่วยถอนพิษร้ายในผืนดินเสื่ อมโทรม อีกทั้งเหมาะกับพื้นที่ต้ องการเปลี่ยนระบบเป็ นเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ ซึ่งจุฬาฯ นำเสนองานวิจัยนี้ ในโอกาสการประกาศผลจัดอันดั บมหาวิทยาลัยของ The Times Higher Education University Impact Rankings 2020 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ รับการจัดอันดับให้เป็นที่หนึ่ งของประเทศไทย และเป็นที่ 45 ของโลก ในการพัฒนาระบบนิเวศทางบกอย่ างยั่งยืน หนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่ งยืน หรือ SDG ขององค์การสหประชาชาติ (UNESCO) จุฬาฯ มีผลงานตามเป้าในชื่อ”ชีวิตบนผื นดิน” ผ่านงานวิจัยต่างๆ รวมถึงการวางแผนเชิงนโยบาย 

     ศ.ดร.อลิสา วังใน ภาควิชาชีวเคมี จุฬาฯ  เป็นผู้พัฒนาโครงการลดมลพิษสิ่ งแวดล้อมนี้ กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม  เรามีปัญหาสารเคมี ทางการเกษตรปนเปื้อนในดินและน้ำ นำมาสู่การพัฒนาหัวเชื้อจุลิ นทรีย์ย่อยสลายสารพิษ ใช้ฉีดพ่นทั่วพื้นที่ปนเปื้อน เช่น นาข้าว  สวนผัก สวนผลไม้ และสวนดอกไม้ จุลินทรีย์จะย่อยสลายสารเคมี ในยาฆ่าหญ้า หลังฉีดพ่นปริมาณสารตกค้ างลดลงในปริมาณที่ไม่ สามารถตรวจพบได้  เป็นนวัตกรรมที่ช่วยอนุรักษ์สิ่ งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และสามารถเพิ่มผลผลิ ตทางการเกษตร ทำให้เกษตรมีรายได้ที่มากขึ้น  อีกทั้งช่วยสร้างระบบห่วงโซ่ อาหารที่ปลอดภัยแก่ผู้บริโภค มีเกษตรกรรายหนึ่งหมดเงิ นไปราวสามหมื่นบาทกับการฟื้นฟู ดิน แต่ไม่ได้ผล  เมื่อมาอบรมเชิงปฏิบัติและใช้หั วเชื้อจุลินทรีย์นี้ พบว่า ใช้งานได้ดี และสนใจจะใช้แนวทางนี้แทน

     “ จุฬาฯ มีเครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภู มิภาคที่อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เข้าไปช่วยฟื้นฟูพื้นดิน เพราะชาวบ้านทำเกษตรกรเชิงเดี่ ยวอย่างต่อเนื่อง มีการใช้ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลงปริมาณมาก ปนเปื้อนสู่ดินและแหล่งน้ำ สาธารณะ  เมื่อทดลองในแปลงนาข้าว นอกจากลดสารตกค้างแล้ว พบว่า ข้าวแตกรวงดีขึ้นต่อไร่  ปริมาณและคุณภาพเมล็ดข้าวดีขึ้ น  1.75 เท่า ส่วน แปลงผักสลัดผลผลิตออกมาสวย ต้นงาม แข็งแรง  ในละแวกนั้นเกษตรกรนิยมเพาะปลู กดอกดาวเรือง เมื่อใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ฟื้ นฟูดิน ดาวเรืองมีดอกใหญ่ขนาดจัมโบ้ ขนาดใหญ่  สีเหลืองสด และสมบูรณ์มากขึ้น เก็บผลผลิตขายได้มากกว่าเดิม 2. 75  เท่า แถมราคาดี ส่วนสลัดคอสที่ใส่จุลินทรีย์ ผักไม่มีโรค ใบสะอาด รสชาติดี กรอบ ไม่ขม ใบเขียวกว่า  นักวิจัยตั้งชื่อ”จุลินทรีย์คึ กคัก” ศ.ดร.อลิสา กล่าวถึงงานวิจัย

 “ จุลินทรีย์คึกคัก ” ของจุฬาฯ ยังมีจุดเด่นใช้เวลาไม่ นานสลายสารพิษตกค้าง นักชีวเคมี บอกว่า ปกติการเปลี่ยนพื้นที่เกษตรเคมี เป็นเกษตรอินทรีย์ ต้องรอให้สารพิษสลาย 3-5 ปี แต่จากการทดสอบหัวเชื้อจุลินทรี ย์ที่พัฒนา เมื่อฉีดพ่นในพื้นที่ปนเปื้อน ประกอบกับกระบวนการไถพรวนและปลู กปอเทืองบำรุงดินควบคู่ไปด้วย ทิ้งไว้ 8 เดือน -1 ปี  ผืนดินกลับมามีชีวิตอีกครั้ง  อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพขึ้นกับประวัติพื้ นที่ใช้สารเคมีเกษตรมาต่อเนื่ องแค่ไหน บางพื้นที่สภาพดินแข็งกระด้ างมาก พืชไม่สามารถแทงรากดูดซึมธาตุ อาหารในดินได้ จะแนะนำเกษตรกรใส่จุลินทรีย์ถี่ ขึ้น ทุก 2 สัปดาห์ จากปกติเดือนละครั้ง งานวิจัยนี้บูรณาการร่วมกับ ผศ.ดร.จิตรตรา เพียภูเขียว ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อให้งานวิจัยฟื้นฟูพื้นที่ เกษตรตอบโจทย์ที่สุด นวัตกรรมนี้นอกจากเหมาะกั บการเปลี่ยนพื้นที่สู่เกษตรอิ นทรีย์ ยังรวมถึงเกษตรเคมีที่ต้องการฟื้ นฟูดิน และพื้นที่เกษตรอินทรีย์ พืชดูดสารอาหารในดินระหว่ างการเพาะปลูกไปแล้ว เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพอยู่แล้ว แต่ใช้จุลินทรีย์คึกคักร่วมด้ วยช่วยเพิ่มธาตุอาหารในดิน ส่งผลให้พืชเจริญงอกงามดีขึ้น งานวิจัยเชิงลึกยังพัฒนาตัวเร่ งชีวภาพใช้ในภาคอุ ตสาหกรรมการเกษตร เนื่องจากมีภาคเอกชนสนใจเพื่ อให้ขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์กั บเกษตรกรในเครือข่าย ก่อนสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด- 19 จัดโครงการฝึกอบรม เกษตรกร บุคลากรทางการเกษตรที่สนใจเรื่ องนวัตกรรมเพิ่มผลผลิต และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมปลอดภัยต่ อเนื่อง ปัจจุบันเลื่อนกิจกรรมไปไม่มี กำหนดจนกว่าสภาวการณ์ปกติ

     ปัญหาใหญ่ระดับชาติที่นักวิ จัยจุฬาฯ กังวล เป็นเรื่องการตกค้างของยาฆ่ าแมลงบนผักผลไม้ ซึ่งคนไทยกำลังตายผ่อนส่งจากปั ญหานี้  นำมาสู่งานวิจัยพัฒนาเอนไซม์ จากจุลินทรีย์เพื่ อสลายสารปราบศัตรูพืชตกค้าง เรียกง่ายๆ จุลินทรีย์ล้างผักนั่นเอง

      ศ.ดร.อลิสา กล่าวว่า ด้วยความเป็นนักชีวเคมีจึงสกั ดเอมไซม์จากจุลินทรีย์อีกชนิ ดใช้ล้างผัก ผลไม้ ลดสารพิษ มีสูตรที่เป็นเอกลักษณ์  เพราะเกษตรกรพ่นยาฆ่าแมลงระหว่ างการเพาะปลูก และก่อนการเก็บเกี่ยว ป้องกันแมลงทำลายผลผลิต ยาฆ่าแมลงหรือสารพิษตกค้างในผัก ทำให้เกิดโรค  ทำลายระบบประสาท  รวมถึงทารกในครรภ์เกิดความผิ ดปกติ เป็นความสูญค่ารักษาพยาบาล และกระทบธุรกิจผักผลไม้ส่งออก 

     “ เอนไซม์นี้มีประสิทธิภาพกำจั ดยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์ กาโนฟอสเฟตตกค้างบนผักผลไม้สู งถึง 80-98% และลดความเป็นพิ ษของสารตกค้าง  เป็นสูตรผสมสารเคลือบอินทรีย์ สามารถยืดอายุผักผลไม้ได้นานขึ้ นมากขึ้นอย่างน้อย 14 วัน  ปราศจากสารเคมีตกค้างอันตราย ปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม สำหรับธุรกิจเกษตร ประหยัดน้ำล้างในกระบวนการล้ างได้ 2-3 เท่า เทียบกับล้างด้วยน้ำไหล ผลิตผลจากเกษตรยุคใหม่ ใช้เอนไซม์ล้างลดสารพิษ เพิ่มมูลค่าผลผลิตปลอดภัย “   ศ.ดร.อลิสา กล่าว 


ขอบคุณข้อมูลจาก :  ไทยโพสต์

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้